จงหลับตาเป็นสมาธิ หายใจเข้าพุธ หายใจออกโธ ร่วมกันส่งพลังบุญให้กับสัมภเวสี นึกถึงพระพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียวลูก แล้วบุญเจ้าจะถึง เมื่อลูกส่งแล้วเทวดาก็จะมาเป็นผู้ดูแลปกปักรักษาเจ้า เทวดาที่แม่พูดถึงคือสัมภเวสีที่ลูกได้ส่งบุญไป จงรวมจิตรวมใจร่วมบุญบารมีที่เรามีทั้งหมดเป็นพลังแสงส่งสัมภเวสีขึ้นไปอยู่ ชั้นภูมิที่ดีขึ้น
ยิ่งจิตของลูกเป็นสมาธิมากเท่าไหร่ เขาก็จะได้รับบุญมากขึ้นเท่านั้นและจะกลับมาดูแลเจ้ามากเช่นที่เจ้าให้กับเขา จงให้อย่างไม่คิดหวังจะรับตอบ หวังรับตอบก็ให้หวังเพียงน้อยนิด ที่เหลือให้พระและเทพเป็นผู้อวยพร บางดวงจิตเห็นแสงสว่างสีขาว จงขึ้นไป ไปดูญาติของเจ้าและไปโปรดให้เค้าขึ้นไปอยู่ในภพภูมิที่ดีขึ้น เรียกหาพระพุทธเจ้ามานำทางขึ้นไป จำไว้เถิดลูกสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้เป็นการสร้างสมบุญบารมีมากกว่าที่เจ้าได้ทำแบบอื่นแน่นอน ผลบุญตามส่งถึงเจ้าแน่นอน
ผู้ที่มีพระอยู่ในดวงจิต จิตเกาะติดพระนิพพานแล้วไซร้ แม่ขอประกาศไม่มีดวงจิตใดเลยที่จะพบที่จะเจอที่จะหลงไปกับภาวะโลกสมมุตินี้ หากลูกมั่นใจในแม่ ลูกก็จะเป็นผู้ชนะในอธรรมทั้งมวล บารมีของแม่จะอุ้มพวกเจ้าไม่ให้ล้มลง จงปล่อยวางและให้แม่เข้าไปดูแลทุกอย่างแทน จงใช้ชีวิตอย่างนิพพานบนดิน จงอย่าแข่งขันแก่งแย่ง
จงมองมาที่ดอกบัว ให้ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของพระรัตนตรัยและแม่ จงวิ่งหนีความชั่วอันเป็นต้นเหตุของกิเลส จงตัดเครื่องร้อยรัดเจ้า จงถือศีลห้าไว้ในดวงจิต จงถือพระนิพพานเป็นของแท้แน่นอน จงมองดูขันธ์ 5 ให้เป็นทั้งเพื่อนและศัตรู ขันธ์ 5 ก็คือร่างกายที่เจ้าอาศัยอยู่ เป็นเพื่อนคืออะไร? เป็นเพื่อนคือได้เกิดมาพร้อมเจ้า เจ้าก็คือดวงจิต เกิดมาพร้อมคู่กับความตาย เป็นศัตรู
มารคืออะไร? คือเป็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเครื่องมือพาเจ้าไปสู่ความมั่วสุมความหลงความ ลืม จงอย่ารักอย่าปรารถนาอีกเลย ขอเจ้ารักแค่สองอย่าง พระรัตนตรัยและนิพพาน พระพุทธให้อยู่ในจิตในใจของเจ้า พระธรรมให้อยู่ในสมอง ให้คำสอนที่ดีงามคำชี้แนะที่เป็นทางสว่างอยู่ในความคิดของเจ้า ให้พระสงฆ์เป็นครูบาอาจารย์ผู้ซึ่งได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จงมองดูให้เห็นแบบอย่างและดำเนินรอยตาม และมองดอกบัวนึกถือแม่ จิตที่ดีและสงบอยู่ที่ใด มีที่ใดสงบเงียบมีความสุขเท่ากับพระนิพพานบ้าง
จงอย่าเหนื่อยกับการเดินทาง แต่จงสนุกกับการใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ด้วยนิพพานบนดิน แต่ให้เหนื่อยกับความชั่ว ให้เหนื่อยกับโมหะ ให้เหนื่อยกับโทสะ ให้เหนื่อยกับโลภะ ทุกวันทุกเวลาจงถามจิตตัวเองว่าแท้จริงแล้วฉันปรารถนาอะไร? ปรารถนาที่จะมาเกิดอีก หรือเข็ดแล้วมองเห็นแล้วกับความทุกข์ยากและไม่ต้องการมาเกิด จงมองดูรอบตัวเจ้า แม้กระทั่งพี่น้องเพื่อนบ้านจริงจังกับเจ้าตลอดชีวิตตั้งแต่เริ่มต้นไหม? รักเจ้าตลอดทุกลมหายใจไหม? เปล่าเลย กลับมามองขันธ์ 5 ที่อยู่กับเราตั้งแต่เรามาจุติจนเราตาย มองว่ามันเหมือนเพื่อนแท้แต่ทำไมยังหักหลังเราน่าจะรักเราน่าจะเชื่อฟังเรา กลับยังทรยศเราพาเราสู่ความตาย แล้วอะไรล่ะเป็นเพื่อนแท้ หากขันธ์ 5 มิใช่เรา แล้วเราเป็นใคร? เราก็คือดวงจิต ลูกหนีโดยอาศัยขันธ์ 5 นี้หนีได้ แต่เมื่อขันธ์ 5 พังลูกจะไปที่ไหน จำไว้ทุกดวงจิตมีสิทธิ์เลือกว่าจะไปไหน ไม่มีใครอยากไปอบายภูมิทั้ง 4 แต่มีหลากหลายความคิดอยากไปสวรรค์พรหม สวรรค์และพรหมหากเจ้าไปแล้วไม่บำเพ็ญบุญสร้างบุญต่อ มันน่ากลัวนะลูก หรือหากไม่รับกรรม เจ้าก็นั่งบำเพ็ญบุญอยู่ข้างบน เพื่อเข้าสู่นิพพาน แล้วทำไมเมื่อเราโชคดีเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วถึงไม่บำเพ็ญบุญ แล้วจากโลกนี้ไปเข้านิพพานเลย แม้แต่คนรักที่เจ้ามองว่าน่ารัก แม้แต่ลูกหลานที่เจ้ามองว่าเป็นที่พึ่งก็ไม่มีถาวรเลย วางทุกอย่างลงและมีปัญญาเข้าใจ จงฟังให้มาก ไตร่ตรองให้มาก พูดให้น้อย แล้วเจ้าจะเป็นคนหนักแน่น
จงมองดูรูขุมขนในร่างกาย มีเยอะมากไหม จงเป็นนักคิดให้มากกว่ารูขุมขนนั้นร้อยเท่าพันเท่าแล้วความผิดพลาดจะไม่เกิดขึ้น แล้วคำว่าไม่น่า จะไม่เกิดขึ้น ไม่น่าอะไร ไม่น่าทำอย่างนั้นอย่างนี้เลยจะไม่เกิดขึ้น จงมองดูเส้นผมบนศีรษะ จงคิดให้มากกว่าเส้นผมนั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่าแล้วเจ้าจะเป็นปราชญ์
ขอบคุณสำหรับบทความธรรมทานนะคะ
ตอบลบ