เรื่องเล่าจากจิตศักดิ์สิทธิ์
รอยต่อพระศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระสมณโคดมและพระศรีอริยเมตไตรย
การประกาศศาสนาขององค์สมเด็จพระสมณโคดมประกาศไว้ว่า ต่อไปข้างหน้าบ้านเมืองจะเปรียบเสมือน ตารางหมากรุก เหล็กจะลอยขึ้นเหนือน้ำ เหล็กจะลอยอยู่ในนภากาศ ฝนกรดจะตกลงมาเป็นลูกไฟ พระอาทิตย์จะขึ้นถึง 7 ดวง น้ำจะสูงเท่าชั่ว 7 ลำตาล น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว แม่โคจะกินนมลูกโค ม้ามีสองปากสร้าง
บ้านเมืองจะเป็นตาหมากรุกก็คือถนนหนทางที่ถูกสร้างขึ้นมามากมายเพื่อรองรับความเจริญของผู้คนยุคนี้สร้าง
เหล็กจะลอยเหนือน้ำ ปกติเหล็กนี้จะจมน้ำแต่มนุษย์รู้จักเอาเหล็กมาตีเป็นแผ่นบางๆ แล้วมาสร้างเป็นเรือเหล็กที่ลอยน้ำได้
เหล็กจะบินได้ก็คือเครื่องบิน เพราะมนุษย์ยุคนี้การเดินทางและการขนส่งจะรวดเร็วทันใจ จะไปไหนต่อไหนก็ไปได้ เพราะมีเครื่องบินมียานพาหนะไว้ใช้สอย
ฝนกรดจะตกเป็นลูกไฟก็คือลูกระเบิดนี้เอง เมื่อมนุษย์มีความเห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกพ้องจนทำให้เกิดการแบ่งแยกความคิด ว่านี่พวกฉัน นี่พวกเธอ นี่ของฉัน นี่ของเธอ เกิดทิฐิมานะ เกิดความอยากได้ของคนอื่น จนกลายมาเป็นสงคราม ต้องมารบราแย่งชิงฆ่าฟันกันเอง ประดิษฐ์คิดค้นอาวุธทำลายล้างซึ่งกันและกัน ประเทศไหนสามารถประดิษฐ์อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างได้มากก็เป็นผู้มีอำนาจเป็นผู้ชนะ ก็เกิดวงเวียนของการชิงอำนาจ ความเป็นใหญ่ โลกมนุษย์จึงต้องวุ่นวายอยู่จนทุกวันนี้
พระอาทิตย์จะขึ้นถึง 7 ดวง ก็คือไฟจากกิเลสของมนุษย์ ไฟโกรธ ไฟโลภ ไฟหลง เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นถึง 7 ดวง ทั้ง 7 วัน ไม่มีวันพระไม่มีวันโกน ไม่รู้จักคุณธรรม ไม่รู้จักพระ ไม่รู้จักเจ้า ไฟจะล้างโลก ก็คือไฟของกิเลสตัณหาราคะ โมหะ โทสะ ที่กินกัน โกง อิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท จองเวรกันของมนุษย์เรานี่เอง
น้ำจะสูงชั่ว 7 ลำตาล สมัยก่อนใช้น้ำคำใช้น้ำใจ แต่เดี๋ยวนี้คือใช้น้ำกิเลสตัณหา ราคะ โมหะ โทสะ น้ำราคะ น้ำกามกิเลส ฆ่ากันฟันกัน นั่นแหละเพราะ “น้ำกิเลส”
น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว ก็คือเด็กผู้ใหญ่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตรงไหนดีตรงไหนชั่ว ไม่รู้จักคุณธรรม
แม่โคจะกินนมลูกโค ก็เหมือนว่าพ่อแม่ที่แก่เฒ่าชราแล้วก็ต้องมาอ้อนวอนลูก ให้ลูกเลี้ยง พินอบพิเทากับลูก
ม้ามีสองปากต่างคนก็แย่งกันป้อน ก็คือพวกทนายความ ผู้พิพากษา อัยการ ฝ่ายโจทย์ก็ยัดเงิน ฝ่ายจำเลยก็ยัดเงิน นั่นแหละม้ามันมีสองปาก
พุทธทำนายว่า “ไฟล้างโลก” ก็คือ ความร้อนกระวนกระวายของกิเลส ลูกไฟจะตกก็คือการระเบิดปรมาณู ที่ทำให้สั่นสะเทือนให้เปลือกโลกแตกก็จะกลายเป็นลูกไฟหลายๆ ดวง น้ำก็จะล้างโลกซึ่งมาจากอุปกิเลสของมนุษย์ที่เกิดมาเป็นน้ำราคะ ที่พุ่งขึ้นทั่วทุกที่ พอเปลือกโลกแตกโลกจะกลายเป็นลูกไฟเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้น 7 ดวงทั่วพิภพ พระองค์ตรัสว่าผู้ที่อยู่รอดได้ก็จะต้องอยู่เลยสวรรค์ชั้นที่ 3 ขึ้นไป คือสวรรค์ชั้นที่ 4 ถึงจะพ้นภัย ก็เปรียบเสมือนคนเรามีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ต้องมีพรหมวิหาร 4 ถึงจะเป็นพ้นภัยได้ ท่านเปรียบไว้อย่างนั้น
ตั้งแต่เริ่มพระศาสนา พ.ศ. 500 ปีแรก ภิกษุณีจะไม่มี เมื่อถึง พ.ศ. 1,000 ปีไปแล้ว ธรรมะที่จรรโลงพระศาสนาก็จะแบ่งแยกออกเป็น 3 ส่วน พวกที่เป็นอลัชชี ก็ถือว่าธรรมะของตนดี ล่วงสู่ พ.ศ. 1,500 ปีก็จะเริ่มเสื่อมจากคุณธรรม จะรบราฆ่าฟันล้างชาติล้างตระกูลกัน ประชาชนเหลือไม่เท่าเดิม พอย่างเข้า พ.ศ. 2,000 ปี ต้นไม้ใบหญ้าก็จะแห้งแล้งเผาหลน ประชาชนทั่วไปก็จะเกิดความเดือดร้อน
พ.ศ. 2,500 ปี สิ่งที่เราไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยพบก็จะได้พบ ข้าวจะยากหมากจะแพง เทคโนโลยีโลกาวิวัฒน์ก็จะเกิด ความวินาศ วาตภัย อุทกภัยจะเกิด
พ.ศ. 3,000 ปี มนุษย์เราก็จะด้อยลง ต่ำลงเตี้ยลง ไม่รู้จักพระ ไม่รู้จักสงฆ์ เอาคนเป็นพระ เอาพระเป็นคนมั่วกามโลกีย์ พระก็ไม่ใช่พระ คนก็ไม่ใช่คน
พ.ศ. 3,500 ปี เด็กน้อย ก็จะขึ้นครองเมืองรุ่งเรืองด้วยปัญญา ผู้ใหญ่ก็จะตกอับกลับมาเป็นผู้ที่ไม่มีปัญญา หมายถึงว่าเป็นง่อยเปลี้ยเสียขา ทุพพลภาพ ไม่มีปัญญาหากิน พ.ศ. 4,000 ปี ที่เป็นพระอยู่ก็แค่ผ้าเหลืองน้อยห้อยหูก็ถือว่าเป็นพระแล้ว ไปทำไร่ไถนาหากินหาอยู่ มีลูกมีเมียได้ อายุก็จะสั้นเข้า จาก 80 ปี ก็จะมาเหลือ 40 ปี เด็กน้อยจะสอยมะเขือกินก็คือผู้ใหญ่ต้องสอยมะเขือเหมือนเด็กน้อยสอยมะเขือ
พ.ศ. 4,500 ปี ลงจากบ้านไม่รู้จักกัน ออกจากเรือนก็จะฆ่าฟันกันตาย ไม่มีศีล ไม่มีสัตย์ ไม่มีอะไรเลย สมณชีพราหมณ์ก็ไม่มี ศีลมันก็หดหายไป ไม่มีใครรู้จักใครเลย จะเหลือคนอยู่กลุ่มเดียวคือ 7 ร่มโพธิ์ คือผู้ที่มีพรหมวิหาร 4 รู้จักสำรวมกาย วาจา ใจ ผู้ที่มีศีล 5 จะมีอยู่แค่ 7 ร่มโพธิ์เท่านั้น ก็จะอยู่ตามถ้ำ ตามเขา ปลอดภัยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ตาย มีบุญญาธิการ ไม่ได้ออกมามั่วอยู่กับกิเลสตัณหา มีศีล 5 มีพรหมวิหาร 4
พอย่างเข้า พ.ศ. 5,000 ปี มนุษย์เราก็กลับไปเป็นสัตว์เหมือนเดิม ไม่รู้จักคำว่าพ่อ แม่ พี่น้อง สมสู่กันเยี่ยงสัตว์ พี่น้องพ่อแม่ไม่มี ไม่รู้จักรัก ไม่มีความดีเลย หมดยุคของ พ.ศ. 5, 000 ปี น้ำก็จะล้างโลกไฟจะไหม้ทั่วพิภพแดน พอหลังจากนั้นประมาณ 10,000 ปี ถึง 40,000 ปี แผ่นดินนี้ก็จะสูงขึ้นมาอีกโยชน์หนึ่ง คือสิ่งปรักหักพังทั้งหลาย ระเบิดปรมาณูที่ฆ่ากันตาย ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะท่วมสูงขึ้นๆ จนกระทั่ง ราบเรียบเป็นหน้ากลอง
เมื่อถึงเวลานั้นก็จะมี พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬไปอาราธนานิมนต์พระศรีอริยเมตไตรย ลงมาจุติในพิภพมนุษย์ เพราะว่าสมัยนั้นจะเหลืออยู่แค่ 7 ร่มโพธิ์ จะเหลือพราหมณ์ กับ พรหม ก็คือผู้มีศีล 5 และก็ผู้ที่ถือพรหมวิหาร 4 ในสมัยนั้นพระพุทธองค์สมเด็จพระตถาคตพระศรีอริยเมตไตรย ก็จะลงมาจุติในพรหม พระนามว่าพระพรหมมณี ขณะนั้นบ้านเมืองก็จะเรียบเลิศประเสริฐ เรียบเป็นหน้ากลอง จะมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์ มีพรหมวิหาร 4 พระศรีอริยเมตไตรยจะมีแม่นมถึง 6 พระองค์ และมีเมีย 4 พระองค์ จะมารื้อเวไนยสัตว์ ทรงเป็นประมุข เป็นองค์พระสุคต ได้สั่งสอนอริยธรรมกับเวไนยสัตว์ ผู้คนสมัยนั้นไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องหุงหาอาหารกิน ศีลเป็นผู้ควบคุม มีความสว่าง สงบ ผิวกายเหลืองเป็นทองคำ พอลงจากบ้านไปก็มีต้นโพธิ์หรือต้นกัลปพฤกษ์อยู่ 4 มุมเมือง คนไหนอยู่ใกล้เขตไหนมณฑลไหนก็จะไปที่ต้นโพธิ์นั้น ก็เหมือนกับปัจจุบันที่เข้าโบสถ์ ไปวัดกันนี่เอง ก็อิ่มทิพย์ อิ่มด้วยปิติ ไม่หิว ไม่โหย สบายๆ จะไปทางไหนก็เป็นสัญลักษณ์จะแยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งขึ้น ฝั่งหนึ่งล่อง จะเป็นอัตโนมัติ
ผู้ที่มีศีลสะอาด ที่ทำปัจจุบันอยู่หวังจะพบศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย ก็เป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ประเสริฐ บังเกิดแล้วในโลกมนุษย์ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ดั่งแก้ว 3 ประการ พระตถาคตได้มาจุติเกิดในโลกมนุษย์ มีต้นไทรใหญ่เป็นบัลลังก์ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 คือพระศรีอริยเมตไตรยสำเร็จที่โพธิ์พระศรี คือต้นไทรใหญ่ หรือต้นกากะทิง สมัยนั้นมนุษย์เราก็จะรุ่งเรืองจำเริญ มีความสุขความเจริญ อยู่กระทั่งพ้นกัลป์ ก็คืออายุขัยประมาณ 80,000 ปี สูง 8 ศอก
แต่ผู้ที่จะไปเกิดทันพระศรีในองค์พระตถาคตพระองค์ได้ประกาศสัจธรรมไว้ว่า ถ้าวันที่เทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ของพระเวสสันดรชาดก เต ชะ สุ เน มะ ภู สะ นา วิ เว พระเจ้าสิบชาติ ก็ต้องทำดอกบัวหรือเอาดอกบัวไปบูชาพระรัตนตรัยถึง 1,000 ดอก ถึงจะได้ไปทันพระศรีอริยเมตไตรย หรือไม่ก็เป็นผู้มีศีล 5 สะอาด มีศีล 8 มีศีลอุโบสถที่บริสุทธิ์ผุดผาดและจะได้ไปเกิดทันพระศรีอริยเมตไตรย ทำบุญทำกุศล สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาลา ช่วยเหลือเด็กยากไร้ยากจน ขุดสระน้ำ สร้างถนนหนทาง ถึงจะได้ไปเกิดทันในศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย ก็จะอยู่ดีมีสุขไม่เหมือนปัจจุบันนี้ ไม่มีกิเลสตัณหา ราคะ โมหะ โทสะ ทั้งหลายเพราะกรรมเป็นกำเนิด กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ นั่นคือกรรมดี ในสมัยนี้มีแต่กรรมชั่วเพราะคนเพ้อเจ้อ วุ่นวาย มีแต่โลภ โกรธ หลง มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีอิจฉา อาฆาต พยาบาท จองเวร มีพระเวทย์ มีพระธรรม มีคุณไสย มีไสยศาสตร์ พุทธศาสตร์ ส่วนที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นส่วนน้อยเพียงส่วนเดียว เพราะคนในศาสนาขององค์สมเด็จพระสุคตพระมหาสมณโคดมจะตกนรกถึง 3 ส่วน จะขึ้นสวรรค์เพียงส่วนเดียวเท่านั้น แต่สมัยของพระศรีอริยเมตไตรยจะขึ้นสวรรค์ทั้ง 4 ส่วน ไม่ตกนรกเลย ด้วยบารมีที่สร้างกันในปัจจุบันนี้แหละที่จะเกิดตอนนั้น
ถ้าใครอยากจะได้ไปทันศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย ที่ไม่ตกไม่หล่นในองค์สมเด็จพระสมณโคดมนี้ก็ยังจะบำเพ็ญเพียรภาวนาได้ ด้วยการละ วาง หยุดใจ ให้สะอาด สว่าง สงบ เพราะทั้งแผ่นดินธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็มาจากกรรมเดิมของมนุษย์ทั่วพิภพทั้งโลก มีอยู่ 80-90 ประเทศเหมือนกันหมด มีกาม มีกิน มีเกียรติ มีโกง อิจฉา อาฆาต พยาบาท จองเวร มีประเทศไทยเราที่ดีที่สุดในปัจจุบัน มีคนนับถือศาสนาพุทธเป็นเนืองนิจมีศีล 5 มีศีล 8 รักษาศีลอุโบสถไปวัด ช่วยเหลือเด็กยากไร้ ยากจน ศาสนาเดี๋ยวนี้มีเพียงส่วนเดียว อีก 3 ส่วนก็จะมีเกียรติยศ ชื่อเสียง กาม กิน เกียรติ โกงกินกัน ตามกรรม เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี เห็นกงจักรเป็นดอกบัว มั่วในโลกีย์วิสัย หาความจริงใจไม่ได้ มีแต่อิจฉา อาฆาต พยาบาท จองเวร
นี่คือการประกาศพระศาสนาขององค์สมเด็จพระสมณโคดม เพราะว่าท่านอายุได้ 80 พรรษา พญามารมาทูลเชิญ และเมื่อไหร่เล่าพระตถาคตเจ้าจึงจะเสด็จปรินิพพาน เพราะท่านจะมีอายุแค่ 80 พรรษาเท่านั้น ก็จึงมีปริศนาธรรมถามพระอานนท์ว่า...
“ดูก่อนอานนท์...” ถ้าหากว่าบ้านมันเก่าแล้ว เราจะซ่อมดีหรือเราจะปลูกใหม่ดี พระอานนท์จึงทูลว่า “ควรจะปลูกใหม่พระเจ้าข้า”
ถ้าหากซ่อมพระตถาคตก็จะอยู่ต่อให้ครบพระศาสนาถึง 5,000 ปี แต่ถ้าปลูกใหม่ก็หมายถึงว่า พระศาสนาของพระองค์ท่านก็จะสืบต่อมาด้วย “พุทธบริษัท 4” ก็คือ ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา สืบศาสนาด้วยพระตถาคต พุทธบริษัท 4
พระอานนท์ทูลถามว่า “องค์สมเด็จพระสมณโคดมพระสุคตเจ้า ถ้าหากว่าบ้านเมืองนี้เล่าพระองค์สมเด็จเจ้าปรินิพพานไปแล้ว แล้วใครเล่าจะเป็นผู้ต่อพระศาสนา สังคายนาพระไตรปิฎก”
ท่านจึงตรัสว่า “ก็จะมีเหล่าภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่จะถือเพศพรต ที่จะถือพรตพรหมจรรย์ให้ศาสนาของเราตถาคตนี้ยืนยาวไปถึง 5,000 ปี”
การประกาศพระศาสนา 1,000 ปีแรก ก็จะมีพระอรหันต์ พระขีณาสพ พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นผู้รักษาพระศาสนา พอมาถึง 2,000 ปีก็จะมีเทพพรหมทุกชั้น ทุกตำแหน่ง วิมาน พวกเทวดามาช่วยกันรักษาศาสนาไปจนถึง 2,500 ปี พระขีณาสพ พระอรหันตเจ้า พระอริยเจ้าทั้งหลายก็คุมศาสนามาได้ถึง 2,500 ปี รวมทั้งเทวดาด้วยคนละครึ่งทาง คนละ 1,250 ปี และต่อไปหลังจาก 2,750 ปี ก็จะเป็นพวก เปรต อสุรกาย สัมภเวสี โอปาติกะ สังเสทชะ เป็นผู้มาดูแลศาสนา
ซึ่งจาก 2,750 ไปถึง 5,000 ปี ก็จะมีพวกสัตว์นรก อสุรกาย พวกอสูร พวกมาร ก็จะมาขอดูแลพระศาสนาบางซึ่งเป็นช่วงศาสนาสุดท้ายแห่งองค์สมเด็จพระมหาสมณโคดม... (สามารถโหลดฟังฉบับสมบูรณ์ได้จาก การพัฒนาจิต พุทธทำนาย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น