วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยิดัม กาลจักร


กาลจักรทิเบตเรียก ดูซ.อค้ร.df.Ji. ดุส.อ์คอร์.โด.เจ จีนเรียก สี่ลุ้นกิมกัง องค์กาลจักรเป็นยิดัมองค์สำคัญในการปฏิบัติพุทธตันตระ พระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมวงล้อแห่งเวลา วงล้อเวลาที่หมุนไปทำให้
กงล้อแห่งชีวิตดำเนินตามไปด้วย ซึ่งประกอบขึ้นด้วยห่วงโซ่แห่งปฏิจจสมุปบาท อวิชชา ความไม่รู้จริง ตัวการทำให้เกิดการปรุงแต่งหรือ สังขาร ตัวปรุงแต่งได้ประดิษฐ์ประดอยแต่งแต้มจนเกิดวิญญาน หรือธาตุรู้ ธาตุรู้อันซุกซนไม่ยอมหยุดนิ่งหาเรื่องมาทำอยู่เรื่อยๆก็ไปสร้าง รูป ซึ่งเป็นแหล่งรวมของกายและจิต ทำให้ดำรงสภาพความเป็นบุคคล เมื่อเป็นรูปร่างเป็นตัวตน อารมณ์ประสาทสัมผัส หรือ ผัสสะก็เริ่มทำงาน การทำงานของประสาทสัมผัสทำให้เกิดความรู้สึก คือเวทนา เวทนาทำให้เกิดความทะยานอยาก หรือตัณหา ตัณหาที่เกิดจากความรู้สึก เมื่อปล่อยให้มันโลดแล่นไปตามขบวนการของมันเองก็ทำให้เกิดอุปทาน ความยึดมั่นถือมั่น ความถือมั่นในตัวตนว่ามีอยู่จริง ทำให้เกิดภพ เกิดชาติ สุดท้ายก็ต้องเดินทางสู่ความตาย แต่ในขณะที่กำลังเดินทางไปสู่ความตาย อวิชชาก็ได้ก่อตัวขึ้นอีกและนั่นก็คือกงล้อแห่งชีวิตที่กักขังทุกสรรพสัตว์ไว้ ความทุกข์ได้บังเกิดขึ้นตลอดเวลาที่วงล้อแห่งชีวิตหมุนไปตามกาลเวลา ด้วยมหาเมตตาพระศากยะมุนีพุทธเจ้าที่ต้องการให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากกงล้อแห่งวัฏฏพระองค์จึงได้สอนบทปฏิบัติกาลจักร ซึ่งมีทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันประโยค ได้สอนแก่กษัตรย์ชังปาลา ผู้ครองแคว้นหนึ่งบริเวณอินเดียตอนเหนือ และได้มีการถ่ายทอดต่อมาเรื่อยจนแพร่หลายไปทั่วอินเดียและเข้าสู่ทิเบตพร้อมพุทธตันตระยาน
        ในภาพทังกา พระศากยะมุนีพุทธเจ้าอยู่ตรงกลาง ด้านขวาบนพระโพธิสัตว์ดาราขาว ซ้ายบนพระโพธิสัตว์ดาราเขียว ด้านล่างขวาองค์ไวซามานา ด้านล่างซ้ายองค์จัมบาลา องค์กาลจักรอยู่ในปางยับยัม ประทับยืนบนดอกบัว ประกอบรัศมีอาทิตย์พระจันทร์และดาว ขาทั้งสองเหยียบบนอัตตา องค์กาลจักรมีสี่หน้า ยี่สิบสี่แขน หน้าหลักสีน้ำเงิน หน้าขวาสีแดง หน้าซ้ายสีขาว หน้าหลังสีเหลืองทุกหน้ามีสามตา  แปดแขนบนสีขาว แปดแขนตรงกลางสีแดง แปดแขนล่างสีน้ำเงิน บนพระเศียรประกอบด้วยวัชร ทรงอาภรณ์สัมโภคกาย นุ่งหนังเสือ มือทุกมือถือศัตราวุธ องค์ศักติมีสี่หน้า ทุกหน้ามีสามตา
อนิสงส์การปฏิบัติกาลจักร ให้ผลพ้นจากภัยแห่งสงคราม พ้นจากภัยธรรมชาติลมฝนมาตามฤดูกาล ประเทศสุขสงบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น